| 
 แหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์ออกนามระบุว่า  ค่าใช้จ่ายสำหรับการพัฒนาซึ่งอยู่ในคำร้องเบิกงบประมาณจะรวมถึงค่าใช้จ่ายของระบบต่อต้านขีปนาวุธแบบใหม่  ทั้งยังครอบคลุมไปถึงเงินสำหรับปรับปรุงเพิ่มระยะและความแม่นยำของ PAC-3  Patriot ซึ่งเป็นของเดิมที่ใช้อยู่
 อย่างไรก็ตาม การเปิดเผยเกี่ยวกับระบบต่อต้านขีปนาวุธใหม่ของญี่ปุ่น  อย่างเช่น THAAD หรือ Aegis Ashore ยังคงต้องใช้เวลาอีกหลายปี  โดยแหล่งข่าวบอกว่าญี่ปุ่นจะเร่งปรับปรุง Patriot เสียก่อน  แต่ดูเหมือนจะไม่อาจทำได้เร็วขึ้นมากนัก  เพราะติดตรงศักยภาพที่จำกัดของบริษัทที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น Mitsubishi  Heavy Industries และ Raytheon ที่ตารางงานแน่นอยู่แล้ว
 
 สื่อญี่ปุ่นเคยรายงานไว้ก่อนหน้านี้ว่า  ตัวเลขงบประมาณกลาโหมจะมีจำนวนมากถึง 3 แสนล้านเยน  โดยทางรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ยังไม่บอกว่าจะมีการขอให้บรรดา  ส.ส.ช่วยอนุมัติค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่  ก่อนที่การหารือเรื่องงบประมาณสำหรับปีหน้าจะเริ่มขึ้น
 
 ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นยังไม่มีการแสดงความเห็นใดๆ สำหรับเรื่องนี้
 
 เทคโนโลยีขีปนาวุธของเกาหลีเหนือมีความคืบหน้าเร็วกว่าที่คาดกันไว้  ทำให้ญี่ปุ่นรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้น  ญี่ปุ่นและเกาหลีเหนือนั้นมีการแข่งขันกันในด้านอาวุธมานานนับ 2 ทศวรรษแล้ว   หลังจากที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธลอยข้ามประเทศญี่ปุ่นไปตกในมหาสมุทรเมื่อปี  1998
 
 ในปีนี้ เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธไปแล้วอย่างน้อย 21 ครั้ง  รวมถึงทดสอบนิวเคลียร์ 2 ครั้ง โดยเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน  ขีปนาวุธพิสัยกลาง “มูซูดัน” ได้พุ่งสูงขึ้นไปถึง 1,000 กิโลเมตร  ซึ่งทำให้วิถีโคจรของขีปนาวุธดังกล่าวอาจจะเกินระยะทำการของเรือพิฆาต Aegis  ที่ติดตั้งขีปนาวุธ SM-3
 
 ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ระบบต่อต้านขีปนาวุธ PAC-3 Patriot  ที่คอยปกป้องเมืองสำคัญต่างๆ กลายเป็นปราการด่านสุดท้ายสำหรับปกป้องตนเอง  แต่การปรับปรุงศักยภาพจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงปี 2020  ที่เป็นช่วงเวลาของการจัดแข่งกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียว
 
 หัวรบของขีปนาวุธเกาหลีเหนือ อาทิ ขีปนาวุธโรดอง  ถูกประเมินว่าจะมีระยะทำการ 1,300 กิโลเมตร เคลื่อนที่ด้วยความเร็วถึง 3  กิโลเมตรต่อวินาที ส่วนหัวรบของขีปนาวุธมูซูดันจะบินได้ไกลถึง 3,000  กิโลเมตร โดยช่วงที่ตกลงมาจากอวกาศจะมีความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เท่า
 
 ในปีหน้าญี่ปุ่นมีแผนจะจัดหา SM-3 เวอร์ชันที่มีอานุภาพมากขึ้น  ซึ่งถูกขนานนามว่า Block IIA โดยจะร่วมกันพัฒนากับสหรัฐอเมริกา  อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการระบุว่าจะเริ่มใช้งานได้เมื่อไหร่
   ข้อมูลจาก ผู้จัดการ ออนไลน์ |